ถูกเลิกจ้าง สิทธิประโยชน์และค่าชดเชยอะไรที่ควรได้บ้าง

การถูกเลิกจ้างเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากพบเจอ แต่หากเกิดขึ้น เราควรรู้ถึงสิทธิประโยชน์และค่าชดเชยที่ควรได้รับ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม SOCAILSIAM นำมาแนะนำให้คุณ

สิทธิประโยชน์และค่าชดเชยที่ควรได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง

การถูกเลิกจ้างเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากพบเจอ แต่หากเกิดขึ้น เราควรรู้ถึงสิทธิประโยชน์และค่าชดเชยที่ควรได้รับ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม SOCAILSIAM นำมาแนะนำให้คุณ

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง

  1. ค่าชดเชยการเลิกจ้าง ค่าชดเชยการเลิกจ้างเป็นสิทธิ์ที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างตามกฎหมาย โดยจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับอายุงานของพนักงาน
  2. เงินสมทบกองทุนประกันสังคม พนักงานที่ถูกเลิกจ้างมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคม ซึ่งจะคำนวณตามจำนวนปีที่ทำงานและรายได้เฉลี่ยของพนักงาน
  3. เงินชดเชยวันหยุดพักผ่อนประจำปี หากพนักงานมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังไม่ได้ใช้ นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยสำหรับวันหยุดนั้นๆ
  4. ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า นายจ้างต้องแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการเลิกจ้าง หรือไม่ก็ต้องจ่ายเงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมายกำหนด
สิทธิประโยชน์

การคำนวณค่าชดเชยการเลิกจ้าง

การคำนวณค่าชดเชยการเลิกจ้างจะขึ้นอยู่กับอายุงานของพนักงาน ตามกฎหมายไทย มีการกำหนดอัตราการชดเชยไว้ดังนี้
  • อายุงานไม่ถึง 120 วัน : ไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชย
  • อายุงานตั้งแต่ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี : ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
  • อายุงานตั้งแต่ 1 ปีแต่ไม่ถึง 3 ปี : ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
  • อายุงานตั้งแต่ 3 ปีแต่ไม่ถึง 6 ปี : ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
  • อายุงานตั้งแต่ 6 ปีแต่ไม่ถึง 10 ปี : ได้รับค่าชดเชย 240 วัน
  • อายุงานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป : ได้รับค่าชดเชย 300 วัน
ถูกเลิกจ้าง

กระบวนการขอรับสิทธิ์

ติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคล

เมื่อได้รับการแจ้งเลิกจ้าง พนักงานควรติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพื่อขอรับข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ที่ควรได้รับ รวมถึงค่าชดเชยต่างๆ

ยื่นคำร้องต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชย พนักงานสามารถยื่นคำร้องต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อขอความช่วยเหลือ

ยื่นคำร้องต่อกองทุนประกันสังคม

เพื่อขอรับเงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคม พนักงานต้องยื่นคำร้องพร้อมเอกสารที่จำเป็น เช่น หนังสือรับรองการถูกเลิกจ้าง

สิทธิประโยชน์อื่นๆ

นอกจากค่าชดเชยและเงินชดเชยจากกองทุนประกันสังคม พนักงานที่ถูกเลิกจ้างยังมีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น
  • การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานใหม่
  • การรับบริการให้คำปรึกษาด้านอาชีพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • สิทธิ์ในการขอรับเงินสงเคราะห์การเลี้ยงดูบุตรหากเป็นผู้ปกครอง
ค่าชดเชย

การเตรียมตัวเพื่อหางานใหม่

การเตรียมตัวเพื่อหางานใหม่หลังจากถูกเลิกจ้างเป็นขั้นตอนสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ พนักงานควรทำการเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น
  • ประวัติการทำงาน (Resume)
  • จดหมายแนะนำตัว (Cover Letter)
  • หลักฐานการศึกษาและการฝึกอบรมต่างๆ

นอกจากนี้ ควรทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สนใจ และเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์งานอย่างเต็มที่

การถูกเลิกจ้างเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่หากเรามีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และค่าชดเชยที่ควรได้รับ เราจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

แชร์
แสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Digital Disruption หรือ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เป็นปรากฏการณ์ที่เทคโนโลยีดิจิทัลมาแทรกแซงหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง จากการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ทำให้บริษัทต้องปรับตัวและเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจเพื่อไม่ให้ตกยุค
กลยุทธ์ทำการตลาด

ธุรกิจเก่าแก่ต้องรู้! Digital Disruption คืออะไร และควรรับมืออย่างไร

Digital Disruption คืออะไร? Digital Disruption หรือ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เป็นปรากฏการณ์ที่เทคโนโลยีดิจิทัลมาแทรกแซงหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง จากการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย

การตลาดเชิงจิตวิทยา (Marketing Psychology) เป็นการนำหลักการทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางการตลาด เพื่อสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ การใช้จิตวิทยาในการตลาดช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ทำการตลาด

การตลาดเชิงจิตวิทยาคืออะไร และสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร

การตลาดเชิงจิตวิทยาคืออะไร การตลาดเชิงจิตวิทยา (Marketing Psychology) เป็นการนำหลักการทางจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางการตลาด เพื่อสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ การใช้จิตวิทยาในการตลาดช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการของการตลาดเชิงจิตวิทยา การสร้างความน่าสนใจการตลาดเชิงจิตวิทยามุ่งเน้นที่การดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค

จิตวิทยาสี คือการศึกษาเกี่ยวกับสีและผลกระทบที่มันมีต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของมนุษย์ การใช้สีในชีวิตประจำวันมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจของเรา มันมีความสำคัญมากในด้านการตลาด การออกแบบ และการสื่อสาร
กลยุทธ์ทำการตลาด

จิตวิทยาสีคืออะไร?

จิตวิทยาสี คือการศึกษาเกี่ยวกับสีและผลกระทบที่มันมีต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของมนุษย์ การใช้สีในชีวิตประจำวันมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจของเรา มันมีความสำคัญมากในด้านการตลาด การออกแบบ และการสื่อสาร ความหมายของสีแต่ละสี สีแดง

ในยุคปัจจุบัน การตลาดด้วยอารมณ์ (Emotional Marketing) กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การใช้ความรู้สึกเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภคไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นยอดขาย แต่ยังสร้างความจงรักภักดีและความเชื่อถือในแบรนด์อย่างยั่งยืน
กลยุทธ์ทำการตลาด

Emotional Marketing เมื่อการตัดสินใจซื้อพึ่งพาอารมณ์มากกว่าเหตุผล

บทนำ พลังของ Emotional Marketing ในการตัดสินใจซื้อ ในยุคปัจจุบัน การตลาดด้วยอารมณ์ (Emotional Marketing) กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางการตลาดมีความเข้มข้นและซับซ้อนขึ้นทุกวัน การตลาดที่เน้นความจริงใจและความโปร่งใสกลับกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมอย่างมาก Reverse Marketing หรือการตลาดพูดความจริง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลที่แท้จริงและตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากผู้บริโภค
กลยุทธ์ทำการตลาด

รู้จัก Reverse Marketing การตลาดพูดความจริง ฉีกทุกตำราที่คุณรู้

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Reverse Marketing ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางการตลาดมีความเข้มข้นและซับซ้อนขึ้นทุกวัน การตลาดที่เน้นความจริงใจและความโปร่งใสกลับกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมอย่างมาก Reverse Marketing หรือการตลาดพูดความจริง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลที่แท้จริงและตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากผู้บริโภค

Brand Advocacy หรือ การส่งเสริมแบรนด์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีความสำคัญในยุคดิจิทัล การส่งเสริมแบรนด์นี้ไม่ได้มาจากบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากลูกค้าหรือผู้บริโภคที่พึงพอใจในสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ และยินดีที่จะแนะนำหรือพูดถึงแบรนด์ในทางบวกกับคนอื่นๆ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ บล็อก หรือการบอกต่อแบบปากต่อปาก
กลยุทธ์ทำการตลาด

Brand Advocacy คืออะไร

Brand Advocacy หรือ การส่งเสริมแบรนด์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีความสำคัญในยุคดิจิทัล การส่งเสริมแบรนด์นี้ไม่ได้มาจากบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากลูกค้าหรือผู้บริโภคที่พึงพอใจในสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ และยินดีที่จะแนะนำหรือพูดถึงแบรนด์ในทางบวกกับคนอื่นๆ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น

หัวข้อเรื่อง
Scroll to Top